การป้องกันคือกลยุทธ์การบริหารความเสี่ยงที่นักเทรดสามารถใช้เพื่อควบคุมการสูญเสียที่อาจเกิดขึ้นจากการถือครองสินทรัพย์ของพวกเขาผ่านสัญญาออปชันส์ กลยุทธ์นี้มักใช้ในการจัดการความเสี่ยงของโพสิชัน Long โดยการซื้อ Put Options ยกตัวอย่างเช่น เมื่อผู้ซื้อคาดว่าราคาของสินทรัพย์ที่ถือครองจะสูงขึ้นแต่ราคาลดลงเนื่องจากความผันผวนของตลาดที่ไม่สามารถคาดเดาได้
กลยุทธ์ Protective Put ประกอบด้วยสินทรัพย์ที่ถือไว้และ Put Option นักเทรดที่ใช้กลยุทธ์ป้องกันความเสี่ยงนี้จะจ่ายค่าธรรมเนียมสำหรับการซื้อ Put Option ซึ่งเรียกว่าพรีเมียม
ประเด็นสำคัญสำหรับการสร้างกลยุทธ์
กลยุทธ์ Protective Put ทำได้โดยการซื้อมูลค่าสัญญาของ Put Options เช่นเดียวกับสินทรัพย์ที่คุณถืออยู่ ยกตัวอย่างเช่น หากคุณถือ 1 BTC คุณจำเป็นต้องซื้อ 1 BTC สำหรับ Put Options
เวลาเข้า
ก่อนอื่นนักเทรดต้องหาเวลาที่เหมาะสมในการซื้อ Put Options
กลยุทธ์ Protective Put อาจเป็นเครื่องมือจัดการความเสี่ยงที่ดีเมื่อเผชิญกับเหตุการณ์ที่จัดเตรียมไว้ล่วงหน้าในตลาดแต่ยังไม่ชัดเจนว่าจะส่งผลกระทบต่อตลาดการลงทุนอย่างไร ยกตัวอย่างเช่น การตัดสินใจใดๆ ที่เกิดขึ้นในการประชุมธนาคารกลางสหรัฐ (Fed) ที่กำลังจะเกิดขึ้นจะส่งผลกระทบต่อตลาดการลงทุน แต่นักเทรดไม่แน่ใจว่าการประชุมจะนำการเปลี่ยนแปลงแบบใดมาสู่ตลาด
ในสถานการณ์เช่นนี้นี้ คุณสามารถสร้างกลยุทธ Protective Put โดยการซื้อ Put Options ก่อนการประชุม
ระยะเวลาการมีผลบังคับใช้
เวลาหมดอายุของ Put Option เป็นจุดสิ้นสุดของระยะเวลาที่มีผลบังคับใช้กลยุทธ์ เนื่องจาก กลยุทธ Protective Put มักใช้เพื่อป้องกันความเสี่ยงจากการเปลี่ยนแปลงที่ไม่แน่นอนซึ่งเกิดจากเหตุการณ์ในตลาด นักเทรดควรทราบว่าวันหมดอายุของ Put Options ที่ซื้อควรตรงกับระยะที่มีผลบังคับใช้ของกลยุทธ์ Protective Put
หากคุณต้องการป้องกันความเสี่ยงระยะสั้น ขอแนะนำให้ซื้อออปขั้นส์ระยะสั้นเพื่อสร้างกลยุทธ์ Protective Put ยกตัวอย่างเช่น เพื่อป้องกันความไม่แน่นอนที่เกิดขึ้นจากเหตุการณ์ในตลาดที่จะเกิดขึ้นในวันพรุ่งนี้ คุณควรซื้อ Put Options ที่หมดอายุภายในหนึ่งสัปดาห์ เนื่องจาก ออปชันส์ระยะยาวมีความผันผวนของราคาน้อยกว่าออปชันส์ระยะสั้น ซึ่งอาจไม่สามารถป้องกันความเสี่ยงได้ดี
โดยทั่วไปแล้ว ออปชันส์ระยะสั้นหมายถึงออปชันส์ที่หมดอายุภายในหนึ่งเดือน ในขณะที่ออปชันส์ระยะยาวคือออปชันส์ที่หมดอายุในเวลามากกว่าหนึ่งเดือน
ราคาใช้สิทธิ์ (Strike Price)
ราคาใช้สิทธิ์ของ Put Option เป็นเส้นที่กำหนดความปลอดภัยสำหรับกลยุทธ์การป้องดังกล่าว หากราคาสินทรัพย์อ้างอิงต่ำกว่าราคาใช้สิทธิ์ เมื่อออปชันส์หมดอายุ การขาดทุนของ Put Option ของนักเทรดที่ใช้ในกลยุทธ์ Protective Put จะถูกจำกัด
ดังนั้นการเลือกราคาใช้สิทธิ์ของออปชันที่ถูกต้องจึงเป็นสิ่งสำคัญ โดยทั่วไปแล้ว At-the-Money (ATM) Options จะเป็นที่ต้องการเนื่องจากมีความไวต่อความผันผวนของตลาดที่สูงขึ้น (ตามที่สะท้อนให้เห็นในค่าเดลต้าและแกมมา ) และราคา Option ที่ต่ำลง (ตามที่สะท้อนให้เห็นในค่าความผันผวนโดยนัย ตัวเลือก ATM มีข้อดีดังต่อไปนี้
-
มีความน่าจะเป็นสูงกว่า OTM Options
-
ราคาออปชันที่ค่อนข้างสมเหตุสมผลเมื่อเทียบกับ ITM Options
โปรดทราบว่าอัตราการเสื่อมของเวลาของ ATM Options นั้นสูงกว่า Out-of-the-Money (OTM) Options และ In-the-Money (ITM) Options เมื่อปัจจัยอื่นๆ เท่ากัน นอกจากนี้ เมื่อตลาดมีความผันผวน ความผันผวนโดยนัยของ ATM Options อาจมีมูลค่าสูงเกินไปอย่างมีนัยสำคัญ
จากข้อบกพร่องของ ATM Options เมื่อเทรดเดอร์ต้องการซื้อสถานะระยะยาวเพื่อสร้างกลยุทธ์ Protective Put OTM Options สามารถพิจารณาได้ด้วยเหตุผลสามประการนี้:
-
สำหรับ OTM Options ที่มีราคาใช้สิทธิ์เท่ากัน เดลต้าของออปชันส์ระยะยาวจะมากกว่าออปชันส์ระยะสั้นซึ่งหมายความว่าออปชันส์ระยะยาวมีความไวต่อความผันผวนของราคาสินทรัพย์มากกว่าออปชันส์ระยะสั้น
-
ราคาของ OTM Options ต่ำกว่า ATM Options
-
ค่าเวลาของ OTM Options จะลดลงช้ากว่าของ ATM Options
เวลาออก
เนื่องจาก Protective Put ไม่ใช่การบริหารความเสี่ยงที่ดำเนินการด้วยตนเอง นักเทรดจึงต้องปิดโพสิชันให้ตรงเวลา โดยเฉพาะอย่างยิ่งเมื่อถือ Put Options ระยะยาว ไม่ว่าโพสิชัน Put Option จะทำกำไรหรือขาดทุนก็ตาม